อัตราเงินเฟ้อสูงสุดในเยอรมนีรอบ 70 ปี กระตุ้นการขึ้นค่าเงินกู้ยืมเงินยูโรเกินคาด

เยอรมนีซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจยุโรปเพิ่งจดทะเบียนเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคไว้ที่ 7.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1952 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรขึ้นครองบัลลังก์

รายงานล่าสุดของ Capital Economics ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 0.5% จากการอ่านก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของค่าพลังงานและค่าอาหาร แต่นั่นน่าจะนำไปสู่ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นสำหรับผู้กู้เงินยูโรเช่นกัน

ส่วนที่เลวร้ายที่สุดของข่าวเงินเฟ้อก็คือ สิ่งต่างๆ ที่ไม่น่าจะถูกต้องในเร็วๆ นี้ ตามรายงานล่าสุดจาก Capital Economics รายงานระบุดังต่อไปนี้:

  • ไม่มีเหตุผลใดที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนประกอบราคาของ PMI คอมโพสิตของเยอรมนี [ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ] อยู่ในระดับที่สูงมากในเดือนพฤษภาคม […] การคาดการณ์ของเราสำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2% ตลอดทั้งปีนี้และปีหน้า [เน้นเมืองหลวง.]

จากประวัติภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในเยอรมนีเมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน ดูเหมือนว่าธนาคารกลางยุโรป ซึ่งเทียบเท่ากับธนาคารกลางยุโรป จะต้องการดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อบดขยี้เงินเฟ้อและนำกลับมาอยู่ในโซนเป้าหมาย 2% ประจำปี

และเยอรมนีไม่ใช่ประเทศเดียวในเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อของสเปนอยู่ที่ 8.5% ตามรายงานของ Capital

ทั้งสองควรร่วมกันสนับสนุนแนวคิดที่ว่า ECB จำเป็นต้องยุ่งกับการต่อสู้เรื่องเงินเฟ้อ สิ่งที่ตอนนี้ดูมีแนวโน้มมากขึ้นตามเศรษฐศาสตร์ทุน:

  • Philip Lane หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB ยืนยันในวันนี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp เป็น "ขั้นตอนมาตรฐาน" ของการกระชับนโยบายและบอกเป็นนัยว่าเหยี่ยวจะต้องใส่กรณีที่แข็งแกร่งมากเพื่อพิสูจน์ความรวดเร็วในการทำให้ปกติ ข้อมูลเหล่านี้จะสนับสนุนกรณีดังกล่าว เรายังคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bp ในเดือนกรกฎาคมนั้นสมเหตุสมผลและน่าจะเป็นไปได้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ต้นทุนการกู้ยืมเงินยูโรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสองเท่าตามที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ครึ่งเปอร์เซ็นต์แทนที่จะเป็นจุดหนึ่งในสี่

ที่มา: https://www.forbes.com/sites/simonconstable/2022/05/30/highest-german-inflation-in-70-years–to-prompt-hike-in-euro-borrowing-costs/